อย่างที่ทราบกันดีว่า อาหารมื้อที่สำคัญที่สุด ก็คือ “อาหารมื้อเช้า” นั่นเอง แต่ทว่า หลายคนนั้นอาจจะละเลยหรือมองข้ามความสำคัญของอาหารมื้อเช้าไป เนื่องจาก ความจำกัดในเรื่องของเวลา อีกทั้งในชั่วโมงเร่งรีบ จนลืมไปว่าร่างกาย ต้องใช้พลังงานมากมาย ในการทำกิจกรรมต่างๆตลอดทั้งวัน โดยช่วงเวลาสำคัญ ที่ทุกคนควรรับประทานอาหารเช้า ก็คือ เวลา 7.00 – 9.00 น. เพราะในช่วงเวลานี้ กระเพาะอาหารของเรานั้น กำลังทำงานอยู่นั่นเอง หากรับประทานอาหารเช้าเป็นประจำ จนติดเป็นนิสัยแล้ว ก็จะช่วยทำให้สมองของเรา ทำงานได้ดียิ่งขึ้น โดยอาหารเช้า เปรียบเสมือนอาหารเลี้ยงสมองของเรา
หากใครละเลยหรือไม่รับประทานอาหารเช้า อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายหลายๆอย่าง ได้แก่
1. กินจุกจิก ซึ่งสาเหตุของการไม่ทานอาหารเช้าหลักๆเลย ก็คือ ตื่นไม่ทันบ้าง นอนดึกบ้าง เป็นต้น ซึ่ง คนที่ไม่รับประทานอาหารเช้า มักจะหิวบ่อยๆ กินจุกจิก หรือกินไม่หยุด หากปฏิบัติแบบนี้ไปเรื่อยๆ ผลที่ตามมา คือ ความอ้วนนั่นเอง ใครที่ไม่อยากอ้วนนั้น ลองหัดทานอาหารเช้าดูบ้าง ก็ช่วยได้ไม่น้อย
2. ขาดสมาธิ แน่นอนว่า เมื่อไม่ได้รับพลังงานหล่อเลี้ยงสมองในตอนเช้า ย่อมทำให้ไม่มีสมาธิในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เรียน ทำงาน หรือกิจกรรมอื่นๆ และที่สำคัญยังทำให้สมองคิดช้าลงอีกด้วย รู้แบบนี้แล้ว ก็ทานอาหารเช้ากันดีกว่า เวลาเรียนหรือทำงานจะได้ไม่เบลอ
3. ปวดหัว หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า อาการปวดหัวนั้น มาจากการอดอาหารเช้า ซึ่งก็มีส่วนเหมือนกัน โดยจะส่งผลให้ขาดสมาธิ อีกทั้งหน้าตาดูไม่สดชื่น ไม่กระปรี้กระเปร่าเท่าที่ควรอีกด้วย เนื่องจาก ไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยงสมองนั่นเอง
4. สุขภาพแย่ลง นอกจากจะส่งผลจากภายนอก คือ หน้าตาดูอ่อนเพลีย ไม่สดใส ไม่มีแรงแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพภายในด้วย เช่น อ่อนล้าจากการทำงานง่าย เหนื่อยง่าย ขาดความตื่นตัว มีอาการหลงๆลืมๆเกิดขึ้นบ่อย ความจำสั้น เป็นต้น
เห็นไหมว่า ผลเสียจากการไม่รับประทานอาหารเช้านั้น มากมายขนาดไหน หลายคนที่ไม่ชอบทานอาหารเช้า คงจะรู้สึกหนาวๆร้อนๆกันบ้างแล้ว อย่างไรก็ตาม อาหารเช้านั้น ถือเป็นมื้ออาหารที่ไม่ควรเลี่ยง หากใครไม่มีเวลา ลองหาอาหารที่ทานง่ายๆในเวลาเช้า ก็สามารถทดแทนได้เช่นกัน